ในระยะสองสามปีมานี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายท่านทำงานทุ่มเทเพื่อขจัดปัดเป่าความเดือนร้อนให้ประชาชนจนเป็นข่าวรายวัน แต่ปักร์นี้ผมขอเอ่ยถึงนายตำรวจสองท่าน ท่านแรก พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้บังคับการสืบสวนท่านที่สองพล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า  ผู้บังคับการตำรวจนครบาล ๘

เหตุที่อยากจะคุยถึงนายพลทั้งสองท่านนี้เพราะเห็นหลายครั้งท่านทั้งสองจะมีการแถลงข่าวร่วมกันบ่อยๆ เพราะร่วมกันทำงานจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้หลายคดี อาทิเช่นทลายเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่  แก๊งโจรกรรมรถยนต์  ล่าสุดวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ จับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาไอซ์จำนวน ๗00 กิโลกรัม สามารถสกัดกันไม่ให้ยาเสพติดไปแพร่ระบาดในชุมชนต่างๆได้ คนทั่วไปนึกไม่ออกหรอกว่ามีผลดีกับประชาชนยังไง แต่ถ้าท่านผู้อ่านนึกถึงภาพคนเมายาอาละวาด ส่วนใหญ่ผู้ที่ติดยาเสพติดทุกชนิดจะกลายเป็นคนจิตใจไม่ปกติ (คนบ้า) ในที่สุด เข้าออกโรงพยาบาลโรคจิตเป็นกิจวัตรประจําวัน หากโชดดีผู้เสพยา (ผู้ป่วย) ไม่ขัดขืนเมื่อญาติพาไปโรงพยาบาลก็ดีไปแต่มีหลายครั้งที่ผู้ป่วยวิ่งหนีออกจากโรงพยาบาลบางครั้งก็ถูกรถชนเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ บางครั้งร้ายแรงอาจมีเหตุผู้ป่วยทำร้ายผู้อื่นถึงกับเสียชีวิต  นั้นคือความทุกข์ที่ใครไม่เคยเห็นไม่เจอกับตัวไม่มีวันรู้ว่ามันทรมารแค่ไหน ส่วนคดีโจรกรรมรถยนต์เป็นคดีที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนโดยตรงหากใครไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บใจแค่ไหนที่ต้องผ่อนรถแล้วไม่มีรถขับทำมาหากิน เคยมีผู้เสียหายโอ๊ดครวญว่าเพิ่งออกรถมาได้อาทิตย์เดียวยังไม่ได้ผ่อนเลยในราคาล้านกว่าแต่เมื่อรถหายประกันภัยจ่ายคืนให้ 80 เปอร์เซนต์ อีก 20 เปอร์เซ็นต์ คิดแต่ราคาตัวรถ ไม่คิดรวมดอกเบี้ย ไปผ่อนกับไฟแนนซ์เอง ต้องสูญเสียเงินดาวน์หลักแสนไปพร้อมดอกเบี้ยและต้องผ่อนรถต่อจากส่วนที่ประกันภัยจ่ายให้ไม่เต็มร้อย หลายครั้งนายพลทั้งสองท่านจะร่วมแรงร่วมใจปราบปราบจนจับกุมผู้ต้องหามาได้และสามารถยึดของกลางกลับคืนมาได้ หากผู้เสียหายได้รถคืนกลับมาทั้งคันเหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง น้ำตาแห่งความดีใจจะไหลให้เห็น  เป็นผลจากการทุ่มเทใจทำงานของท่านและลูกน้อง เป็นการช่วยซับน้ำตาให้กับชาวบ้าน ต้องขอขอบคุณท่านผู้บังคับการทั้งสองท่านและเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองหน่วยงานที่เสียสละชีวิตที่สุขสบายมาช่วยเหลือประชาชน