ข่าวภูมิภาค `
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบอดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สวมบัตรเครดิตผู้เสียหาย ผูกบัญชีซื้อของออนไลน์ เสียหายกว่า 1.2 ล้านบาท
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบอดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สวมบัตรเครดิตผู้เสียหาย
ผูกบัญชีซื้อของออนไลน์ เสียหายกว่า 1.2 ล้านบาท
 
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป.
พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ รอง ผบก.ป.,พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง รอง ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.พงษ์พิทักษ์ เหล็กชูชาติ รอง ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.พงศกร ตันอารีย์ รอง ผกก.3 บก.ป. และ พ.ต.ท.อภิมัณฑ์ บานชื่น รอง ผกก.3 บก.ป.
 
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.พงศธร รัชตวัชรางกูร สว.กก.3 บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป.
 
ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย
1. นายสืบสกุลฯ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.116/2568 ลงวันที่ 23 มกราคม 2568 โดยกล่าวหากระทำผิดฐาน “ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้ เพื่อประโยชน์ในการชำระสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่น แทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสดของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น”
สถานที่จับกุม ซอยพหลโยธิน 67 แขวงอนุสาวรัย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ
2. นายณัฎฐศรัณย์ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.118/2568 ลง 23 พ.ค.2568 โดยกล่าวหาว่า "ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้ เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสดของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น"
สถานที่จับกุม แจ้งวัฒนะ 1 แยก 5 ตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
 
ตรวจยึดของกลาง จำนวน 5 รายการ
1. Macbook
2. บัญชีเงินฝาก
3. โทรศัพท์มือถือ
4. พาสปอร์ต ชื่อนายวรุตม์ฯ
5. พาสปอร์ต ชื่อนายสืบสกุลฯ
 
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปลายเดือนธันวาคม 2567 ผู้เสียหายได้ตรวจสอบพบว่ามีการทำธุรกรรมจากบัตรเครดิตของผู้เสียหายจำนวน 2 ใบ โดยมีรายการทำธุรกรรมจำนวน 26 รายการ มูลค่าความเสียหายกว่า 1.2 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายไม่ทราบที่มา จากนั้นจึงได้มีการดำเนินการให้ทางธนาคารช่วย ตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบว่ามีคนร้ายปลอมแปลงข้อมูลสวมบัตรเครดิตของผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี และต่อมาได้ร้องขอให้ทาง กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยด่วน เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนทั่วไปได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก มีผลกระทบต่อสังคมเป็นวงกว้าง พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ต.พงศธร รัชตวัชรางกูร สว.กก.3 บก.ป. ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุม
จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มคนร้ายมีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยเริ่มจากการที่คนร้ายนำข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหายไปสวมรอยโทรแจ้งพนักงานธนาคาร อ้างว่าต้องการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ที่ผูกกับบัตรเครดิต จากนั้นเมื่อเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ได้แล้ว คนร้ายจะนำรหัสยืนยัน OTP ไปยืนยันเพื่อเอาข้อมูลจากบัตรเครดิต และคนร้ายจะใช้ข้อมูลบัตรเครดิตดังกล่าวไปผูกกับบัญชีของกลุ่มคนร้ายในแอปพลิเคชันซื้อขายสินค้าออนไลน์ และทำการสั่งซื้อสินค้า โดยจะเลือกเฉพาะสินค้าที่มีราคาสูง เช่น สร้อยคอทองคำ, Macbook จากนั้นจะให้จัดส่งมายังที่อยู่ของกลุ่มผู้ต้องหา โดยมีการอำพรางหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ในการติดต่อ เพื่อให้ยากต่อการติดตาม และนอกจากนี้ในการสั่งสินค้าจะไม่นัดรับสินค้าที่บ้านพักอาศัย
ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และทำการออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมด 3 คน โดยจากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม พบมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาไม่มีอาชีพการงานเป็นหลักแหล่ง เชื่อว่ามีพฤติการณ์ ในการหลอกลวงผู้เสียหายเพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สิน โดยมีเจตนาทุจริต จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.3 บก.ป. จึงได้ทำการสืบสวนติดตามตัวแล้วขอหมายค้น ศาลอนุมัติตามคำขอ
กระทั่งเจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ป. ได้นำกำลังลงพื้นที่ 3 จุด ในกรุงเทพฯ เพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา จนสามารถจับกุมนายสืบสกุลฯ ได้ที่ ซอยพหลโยธิน 67 แขวงอนุสาวรัย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ และ จับกุมนายณัฎฐศรัณย์ ได้ที่ แจ้งวัฒนะ 1 แยก 5 ตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบสวนเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดย 1 ในกลุ่มผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเคยทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝ่ายเทคนิคระบบหลังบ้านที่อยู่ปอยเปรต กัมพูชา กระทั่งภายหลังการทำงานไม่ตอบโจทย์ รายได้ตก เจ้านายเห็นผลประโยชน์มากกว่าเพื่อนร่วมงาน จึงได้ตัดสินใจลาออกก่อนข้ามกลับมาไทย ซึ่งภายหลังตนเองไม่มีงานเป็นหลักแหล่ง จึงตัดสินใจนำข้อมูลที่ได้มาจากการทำงานที่ ปอยเปรต มาหลอกลวงเพื่อสวมบัตรเครดิตดังกล่าว
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอฝากเตือนให้พี่น้องประชาชนทุกคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ วัยหลังเกษียณ ให้รู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยุคนี้ประชาชนเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น จะกด จะโอน หรือให้ข้อมูลใครต้องปรึกษาหรือบอกลูกหลานให้ทราบก่อน และรวมไปถึงผู้ที่รับเปิดบัญชีม้า ไม่ว่าจะเป็นกรณีกลุ่มอาชญากรขอซื้อบัญชีให้ไปใช้ หรือถูกชักชวนให้มีการเปิดบัญชี เพื่อแลกกับเงินค่าตอบแทน ท่านอาจจะถูกดำเนินคดีในฐานะเป็นตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุนกระทำความผิด และความผิดฐานฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มีอัตราโทษตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับ 10,000 – 200,000 บาท
 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ต.พงศธร รัชตวัชรางกูร สว.กก.3 บก.ป. โทร.092-2588198
โพสเมื่อ : 30 ม.ค. 2568,16:53   อ่าน 50 ครั้ง