ข่าว ภูมิภาค
แพทย์ทหารห่วงใย คนไทยเสียชีวิตจากการจมน้ำ อุบัติการณ์สูงสุดในช่วงหน้าร้อน
แพทย์ทหารห่วงใย คนไทยเสียชีวิตจากการจมน้ำ อุบัติการณ์สูงสุดในช่วงหน้าร้อน จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ปี 2558 – 2567 คนไทยเสียชีวิตจากการจมน้ำเฉลี่ย 3,687 คน/ปี เฉลี่ยวันละ 10 คน โดยช่วงฤดูร้อน มีคนจมน้ำเฉลี่ย 963 คน กลุ่มอายุที่เสียชีวิตสูงสุด คือ 45 - 59 ปี รองลงมาเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี สาเหตุเกิดจากการเล่นน้ำมากที่สุด รองลงมา คือ ประกอบอาชีพหาปลา หาหอย เก็บผัก แหล่งน้ำที่มีการจมน้ำมากที่สุด คือ แหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและแหล่งน้ำตามธรรมชาติ รองลงมา คือ เขื่อน ฝาย อ่างเก็บน้ำ รวมทั้งมีการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนลงน้ำ หรือทำกิจกรรมทางน้ำ ซึ่งเกือบทั้งหมดของคนที่จมน้ำไม่สวมเสื้อชูชีพ แนะประชาชน สวมเสื้อชูชีพทุกครั้งที่ลงเล่นน้ำ หรือทำกิจกรรมทางน้ำ ปฏิบัติตามป้ายเตือน งดดื่มแอลกอฮอล์เมื่ออยูใกล้แหล่งน้ำหรือทำกิจกรรมทางน้ำ โดยพบเพศชายมีสัดส่วนสูงกว่าเพศหญิง ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากแหล่งน้ำทางการเกษตร หนองน้ำรอบชุมชน แหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น หนองน้ำ และคลองรอบชุมชน ซึ่งแหล่งน้ำเหล่านี้ยังไม่มีการจัดการให้เกิดความปลอดภัย ในการนี้ พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 และคณะแพทย์ทหาร มีความห่วงใยจากภัยดังกล่าว ต่อข้าราชการทหาร ในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 รวมทั้งพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จึงขอให้ส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้รณรงค์ให้ชุมชนมีส่วนร่วมสร้างความปลอดภัยทางน้ำ เช่น การสร้างรั้วรอบแหล่งน้ำเสี่ยง ติดตั้งป้ายเตือน จัดหาอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่เข้าถึงได้ง่าย เช่น ไม้ไผ่ เชือก ท่อ PVC แกลลอนพลาสติกมีฝาปิด พร้อมย้ำวิธีช่วยเหลือกรณีพบคนตกน้ำด้วยหลัก "ตะโกน โยน ยื่น" สำหรับประชาชนทุกคนควรมีการป้องกันการจมน้ำ คือ ต้องสวมเสื้อชูชีพ, ปฏิบัติตามป้ายเตือนความปลอดภัย และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณแหล่งน้ำ นอกจากนี้ควรส่งเสริมให้เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป 1) เรียนว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด 2) ฝึกทักษะการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) รวมทั้งผู้ปกครองให้ดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ต้องอยู่ในระยะที่มือคว้าถึง รวมถึงควรจัดพื้นที่เล่นที่ปลอดภัย (Playpen) สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี และให้ทุกคนสวมเสื้อชูชีพหรือใช้อุปกรณ์ลอยน้ำทุกครั้งที่ทำกิจกรรมทางน้ำ สำหรับการช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีมีคนจมน้ำ หากไม่หายใจ ให้ตรวจดูการอุดกั้นในปากและจมูก จากนั้นรีบเป่าปากช่วยหายใจทันที และทำการนวดหัวใจในอัตราส่วน 30:2 (ปั๊มหัวใจ 30 ครั้ง เป่าปาก 2 ครั้ง) อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะมีทีมแพทย์มาถึง จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือทราบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า กองทัพภาคที่ 3 โดย โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือประชาชน ในยามวิกฤตทุกโอกาส ปรีชา นุตจรัสรายงานข่าว
โพสเมื่อ : 20 พ.ค. 2568,16:47   อ่าน 61 ครั้ง