ข่าว ภูมิภาค
123 ปี กองทัพภาคที่ 3 สร้างความมั่นคงในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อประเทศชาติ และประชาชน
123 ปี กองทัพภาคที่ 3 สร้างความมั่นคงในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อประเทศชาติ และประชาชน
 
     ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ชาวเงี้ยวได้รวมตัวเป็นกบฏก่อการจลาจล ใช้อาวุธปืนบุกเข้ายึดเมืองแพร่ จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พลโท เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี เป็นแม่ทัพใหญ่ ยกกองทัพจากกรุงเทพฯ และเมืองราชบุรี และอีกส่วนหนึ่งเกณฑ์กองทัพจากเมืองพิษณุโลก  เมืองพิชัย ขึ้นไปปราบกบฏเงี้ยว หลังจากปราบปรามได้สำเร็จเรียบร้อยแล้วจึงยกทัพกลับ โดยให้กำลังทหารบางส่วนตั้งอยู่ในพื้นที่เมืองอุตรดิตถ์ เพื่อรักษาความสงบในลักษณะกองรักษาด่านรบ  ส่วนทหารอีกส่วนหนึ่งเดินทางกลับเมืองพิษณุโลก และเข้าตั้งค่ายพัก ณ ที่ตั้งปัจจุบัน เมื่อ 20 สิงหาคม 2445 นับว่าเป็นต้นกำเนิดของ หน่วยทหารในภาคเหนือ โดยได้มีการพัฒนาตามลำดับจนกลายเป็น กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ตราบจนทุกวันนี้ 
 
     เกียรติประวัติของหน่วย
     1. สงครามอินโดจีน เมื่อปี พ.ศ.2483 ราชการสนามกรณีพิพาทกับอินโดจีนของฝรั่งเศส โดยได้ส่งกำลัง 5 กองพันทหารราบ เข้ายึดพื้นที่ดินแดนแคว้น หลวงพระบาง ฝั่งขวาแม่น้ำโขง คิดเป็นพื้นที่ 30,000 ตารางกิโลเมตร ไว้ได้ 
     2. สงครามมหาเอเชียบูรพา เมื่อปี พ.ศ.2484 นำกำลังรุกเข้ายึดพื้นที่ในเขตสหไทยเดิม ซึ่งแม้จะประสบกับความยากลำบากของภูมิประเทศและลมฟ้าอากาศ ตลอดจนการต้านทานของข้าศึกเพียงใด ทหารกองทัพพายัพ (จัดจากกองทัพภาคที่ 3) ก็สามารถยึดพื้นที่เมืองพะยาค, เมืองเชียงตุง และแม่น้ำหลวย ได้เป็นผลสำเร็จ นับว่าการปฏิบัติการครั้งนั้นได้ผลดีเกินคาด สมความมุ่งหมายของประเทศชาติ
     3. การต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ ในปี พ.ศ.2510 กองกำลังติดอาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยได้เริ่มต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นครั้งแรกที่อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ต่อมาได้ขยายการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวางในพื้นที่ภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดพะเยา จังหวัดเชียงราย จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดตาก กองทัพภาคที่ 3 ได้ผนึกกำลัง ทหาร ตำรวจ พลเรือน ในการป้องกัน และ ปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2510 เป็นต้นมาถึง ปี 2525 เป็นเวลาถึง 16 ปี การสู้รบเป็นไปอย่างยืดเยื้อยาวนาน นอกเหนือจากใช้กำลังรบของกองทัพภาคที่ 3 ที่มีศักยภาพ และอุดมการณ์ที่มั่นคงแล้ว ยังดำเนินการด้านจิตวิทยาช่วยเหลือประชาชนซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะปรับเปลี่ยนความคิดประชาชนให้หันมาสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล การรบที่สำคัญของกองทัพภาคที่ 3 ได้แก่ยุทธการผาเมืองเผด็จศึก ในพื้นที่เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ และยุทธการสุริยพงษ์ 1 พื้นที่รอยต่อ จังหวัดพะเยา-จังหวัดน่าน โดยได้ใช้ยุทธวิธีเคลื่อนย้ายกำลังทางอากาศเข้ายึดทำลายฐานที่มั่นแข็งแรงของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้สำเร็จในเวลาอันรวดเร็วทำให้ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ต้องพ่ายแพ้ และส่งผลให้ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในเขตงานนี้ต้องยอมมอบกายใจ และอาวุธต่อเจ้าหน้าที่ เป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย จนสถานการณ์สงบสุขถึงปัจจุบัน
 
     ความภาคภูมิใจของทหาร กองทัพภาคที่ 3 อีกประการหนึ่งคือการได้ทำงานสนองเบื้องพระยุคลบาทพระบรมจักรีวงศ์ ในการดำเนินการโครงการพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ ล้วนเป็นการพัฒนาประเทศชาติอย่างยั่งยืน ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พึ่งพาตนเองได้ นอกจากนี้ยังได้มีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติ อาทิ ปัญหาตามแนวชายแดน,ปัญหาชนกลุ่มน้อย, การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า,ปัญหายาเสพติด, การพัฒนาประเทศ และช่วยเหลือประชาชนล้วนเป็นภารกิจอันสำคัญยิ่งของกองทัพภาคที่ 3 ที่ได้รับมอบตามกรอบของกฎหมายเพื่อให้เกิดความมั่นคงของชาติในทุกมิติสืบไป 
 
     ตลอดระยะเวลา 123 ปี กองทัพภาคที่ 3 พร้อมที่จะปกป้องอธิปไตย และพร้อมที่จะร่วมแก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติในทุกมิติ โดยขอให้พี่น้องประชาชนส่งข้อมูลโดยตรง ให้กับ พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ผ่านระบบ Applications Line ชื่อ “สายตรงแม่ทัพภาคที่ 3” ID Line : ISOC3 เพื่อรับทราบข้อมูล และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความมั่นคงให้สังคมไทยสืบไป
ปรีชา นุตจัรส รายงานข่าว
โพสเมื่อ : 26 ส.ค. 2568,16:58   อ่าน 37 ครั้ง