 |
ข่าว ภูมิภาค |
 |
"บิ๊กปู"สั่งไล่ล่า สตม.รวบหนุ่มอาเซอร์ไบจานหื่นในคราบนักท่องเที่ยว ตามหมายจับ หลังก่อเหตุขืนใจสาวไทย
"บิ๊กปู"สั่งไล่ล่า สตม.รวบหนุ่มอาเซอร์ไบจานหื่นในคราบนักท่องเที่ยว ตามหมายจับ หลังก่อเหตุขืนใจสาวไทย
พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ “บิ๊กปู” ผบช.สตม.ได้มีนโยบายเน้นหนัก กำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.ในสังกัด เกี่ยวกับการปราบปรามคนต่างด้าว ที่กระทำความผิดกฎหมายอาญาในทุกรูปแบบอาชญากรรม ซึ่งถือเป็นอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงของ สตม. จึงได้สั่งการมอบหมายให้ พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. รวมไปถึง พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 ซึ่งรับผิดชอบงานตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวและมีคนต่างชาติพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
สำหรับพฤติการณ์ที่เป็นที่มาของการจับกุมในครั้งนี้ถูกเปิดเผยขึ้นหลังจากเมื่อช่วงต้นเดือน ก.ค.2568 ที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหายเป็นหญิงสาวไทยคือ นางสาวบี (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ได้ติดต่อพูดคุยกับคนต่างชาติรายหนึ่ง คือ นายยูเซฟ (นามสมมติ) อายุ 31 ปี สัญชาติอาเซอร์ไบจาน แต่มักจะอ้างตนว่าเป็นชาวอิตาลี โดยติดต่อผ่านแอพหาคู่ชื่อดัง ในหมู่หญิงสาวไทยที่มีรสนิยมชื่นชอบชาวต่างชาติ จนได้มีการนัดพบปะพูดคุยและรับประทานอาหารกันที่บ้านพักของผู้เสียหายในย่านดินแดง แต่ระหว่างที่อยู่ด้วยกัน ผู้เสียหายอ้างว่า นายยูเซฟ รู้สึกหึงหวงและไม่พอใจที่พบว่าตนยังมีการพูดคุยกับชายชาวต่างชาติคนอื่น ๆ ผ่านแอพดังกล่าวอีกด้วย จึงได้ใช้กำลังข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ก่อนที่จะหลบหนีไป จากนั้นผู้เสียหายก็ได้เข้าแจ้งความเพื่อดำเนินดีกับชาวต่างชาติรายนี้
หลังจากนั้น พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับชื่อและตำหนิรูปพรรณ รวมถึงผลการตรวจร่างกายผู้เสียหาย จนสามารถระบุตัวตนผู้ต้องหาได้แน่ชัดและเนื่องจากผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติที่มิได้มีที่พักที่แน่ชัด จึงได้ขออนุมัติหมายจับศาลอาญา เพื่อจับกุมตัวนายยูเซฟ ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้”
ต่อมาในช่วงกลางเดือน ส.ค.2568 เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง สังกัด กก.สืบสวน บก.ตม.1 นำโดย พ.ต.อ.พลสิทธิ์ สุทธิอาจ ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 พร้อมกำลังชุดสืบสวนนำโดย พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.ฯ และ พ.ต.ท.ธงไทย ไพเราะ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้ลงพื้นที่สืบสวนหลังสืบทราบว่า นายยูเซฟ ได้มาพักอาศัยอยู่บริเวณย่าน ถ.ข้าวสาร จึงได้นำกำลังชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบ ลงพื้นที่กดดันอยู่เป็นเวลา 4 วัน จนกระทั่งในวันที่ 25 ส.ค.2568 พลเมืองดีในพื้นที่ ได้เบาะแสสำคัญว่าเคยพบเห็นนายยูเซฟ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในบริเวณใกล้กับศาลเจ้าพ่อเสือ ย่านเสาชิงช้า จึงได้นำกำลังรุดไปเฝ้าตรวจสอบบริเวณดังกล่าว จนกระทั่งพบชายชาวต่างชาติ ตำหนิรูปพรรณใกล้เคียงกับผู้ต้องหา กำลังสะพายกระเป๋าแบคแพคเกอร์ เดินอยู่ริมถนน เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้แสดงตัวและบัตรข้าราชการตำรวจให้ดู พร้อมขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง ผลการตรวจสอบทราบชื่อ นายยูเซฟ อายุ 31 ปี สัญชาติอาเซอร์ไบจาน จากนั้นก็ได้แสดงหมายจับของศาลอาญาให้ผู้ต้องหาดู พร้อมแจ้งว่าจะต้องถูกจับกุมตัว ตามหมายจับ รวมทั้งแจ้งสิทธิ์ตามกฎหมายของผู้ถูกจับให้รับทราบ
อย่างไรก็ตามในเบื้องต้น ผู้ต้องหาปฏิเสธที่จะให้การและขอให้การในชั้นพนักงานสอบสวนต่อหน้าทนายความ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมผู้ต้องหาตัวส่ง พนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ "บิ๊กปู" ผบช.สตม. ยังให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวอีกด้วยว่า ปัจจุบันผู้ต้องหาคดีนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หากคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว และผลปรากฏว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดจริง นอกจากจะต้องรับโทษตามกฎหมายอาญา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่แปดหมื่นบาทถึงสี่แสนบาทแล้ว ยังจะต้องถูกขึ้นบัญชี “แบล็คลิสต์” ของ สตม. เนื่องจากเป็นบุคคลต่างด้าวที่เข้าข่ายเป็นบุคคลต้องห้าม เนื่องจากเคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาของศาล ทั้งนี้ผลสัมฤทธิ์ของการจับกุมในคดีดังกล่าวเป็นผลโดยตรงจากความร่วมมือกันเป็นหูเป็นตาของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ที่ให้ความร่วมมือให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอย่างดียิ่ง จึงขอฝากประชาสัมพันธ์หากพี่น้องประชาชน หรือ ผู้สื่อข่าว มีเบาะแส หรือ พบการกระทำที่เป็นความผิดในลักษณะดังกล่าว กรุณาแจ้งสายด่วน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบทันทีที่หมายเลข 1178
สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม / รายงาน
|
โพสเมื่อ :
28 ส.ค. 2568,09:18
อ่าน 28 ครั้ง
|