ข่าว ภูมิภาค
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบกลุ่มต่างด้าวคาหนังคาเขาย่านท่าข้าม
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบกลุ่มต่างด้าวคาหนังคาเขาย่านท่าข้าม
 หลังเช่าอาคารพาณิชย์ผลิตบุหรี่ไฟฟ้า พบชิ้นส่วนนำเข้าจากจีนอื้อกว่า 60,000 ชิ้น 
คาดเตรียมส่งขายทั่วไทย
 
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ECD) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.นฤพนธ์ กรุณา ผกก.๒ บก.ปอศ. และ พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยะรมณ์ รอง ผกก.2 บก.ปอศ.
 
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.ปฏิภาณ เป็นสุข สว.กก.2 บก.ปอศ. , ร.ต.อ.อภินันท์ 
พจน์มนต์ปิติ รอง สว.กก.2 บก.ปอศ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติ กก.2 บก.ปอศ.
 
สถานที่ตรวจค้น อาคารในซอย สะแกงาม แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียนกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 
 
ของกลางที่ตรวจพบ จำนวน 13 รายการ
1.บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 9,000 ชิ้น
2.บุหรี่ไฟฟ้า แบบยังไม่บรรจุ จำนวน 2,400 ชิ้น 
3.ซองบรรจุภัณฑ์ จำนวน 6 ลัง
4.เครื่องบรรจุฟิลม์ จำนวน 1 เครื่อง
5.เครื่องบรรจุฟิลม์อัตโนมัติ จำนวน 1 เครื่อง
6.เครื่องซีนบรรจุภัณฑ์ จำนวน 5 เครื่อง 
7.เครื่องอัดบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 3 เครื่อง
8.เครื่องทดสอบบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 2 เครื่อง
9.เครื่องอัดน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 2 เครื่อง
10.ไส้บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 45,000 ชิ้น
11.ปากสูบบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 12,000 ชิ้น
12.ปลอกบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 4,500 ชิ้น
13.น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 5 แกลอน (ไม่เต็มแกลอน)
 
ผู้ต้องหาที่จับกุม  จำนวนทั้งสิ้น 13 ราย (ปรากฏตามรายชื่อดังต่อไปนี้)
   1. Mr..DENG  สัญชาติจีน 
   2. Mr.GAO   สัญชาติจีน 
   3. Mr.Naing สัญชาติเมียนมา  
   4. Ms.Thel  สัญชาติเมียนมา  
   5. Mr.Zay   สัญชาติเมียนมา 
   6. Mr.Pyae   สัญชาติเมียนมา   
   7. Ms. Zin สัญชาติเมียนมา   
   8. Ms. Zar สัญชาติเมียนมา   
   9. Mr. Aung สัญชาติเมียนมา   
   10. Mr. Aung สัญชาติเมียนมา 
   11. Ms. Phroy สัญชาติเมียนมา   
   12. Ms. Hlaing สัญชาติเมียนมา   
   13. Ms. Chit สัญชาติเมียนมา  
          
ฐานความผิดที่กล่าวหา ผู้ต้องหาที่ 1-9
        (1.) “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร” 
(2.) “ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ 24/2567 เรื่อง ห้ามผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือ บุหรี่ไฟฟ้า หรือ ตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้า หรือ บุหรี่ไฟฟ้า,ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ขายสินค้าที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสั่งห้ามขาย (บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง) ตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558” ประกอบมาตรา 83 ประมวลกฎหมายอาญา
 
(3.) “เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ” อันเป็นความผิดตาม พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฯ
ผู้ต้องหาที่ 10-13 
           (1.) “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร” 
(2.) “ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ 24/2567 เรื่อง ห้ามผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือ บุหรี่ไฟฟ้า หรือ ตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้า หรือ บุหรี่ไฟฟ้า,ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ขายสินค้าที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสั่งห้ามขาย (บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง) ตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558” ประกอบมาตรา 83 ประมวลกฎหมายอาญา
 (3.) “เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ” อันเป็นความผิดตาม พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฯ
 (4.) “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ
 
พฤติการณ์  ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้ กก.2 บก.ปอศ. ดำเนินการสืบสวนและปราบปรามสินค้าประเภทบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อนำมาจำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กและเยาวชนที่สามารถเข้าถึงได้ ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายของผู้ใช้เองรวมไปถึงผู้คนโดยรอบที่ได้สูดกลิ่นควันของบุหรี่ไฟฟ้าเข้าไปได้ 
ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. ได้ทำการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าล็อตใหญ่จำนวนกว่า 7,000 ชิ้น ในพื้นที่เขตประเวศ มูลค่ารวมกว่า 3 ล้านบาท จึงทำการสืบสวนขยายผล
จนสืบทราบว่ามีการซุกซ่อนกักเก็บสินค้าประเภทบุหรี่ไฟฟ้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศในพื้นที่ท่าข้าม หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานจนครบสมบูรณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาธนบุรี เพื่อทำการตรวจค้นสถานที่ดังกล่าว 
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. ได้นำหมายค้นของศาลอาญาธนบุรี มาทำการตรวจค้นสถานที่ดังกล่าว พบชาวจีน จำนวน 2 ราย ซึ่งรับว่า เป็นผู้จัดการในการดูแลสถานที่ และอีก 1 ราย เป็นผู้ช่วยในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ และ พบคนงานชาวพม่า จำนวน 11 คน นั่งทำงานร่วมกันผลิตและบรรจุหีบห่อชิ้นส่วนบุหรี่ไฟฟ้า และยังพบบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนกว่า 9,000 ชิ้น พร้อมด้วยน้ำยาและอุปกรณ์ส่วนควบจำนวนกว่า 60,000 ชิ้น คาดว่ากลุ่มผู้ต้องหาใช้อาคารดังกล่าวเป็นแหล่งผลิตเพื่อนำส่งขายให้กับลูกค้าตามออเดอร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. จึงได้ทำการตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า, อุปกรณ์ส่วนควบ, อุปกรณ์บรรจุภัณฑ์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตบุหรี่ไฟฟ้า มูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 3 ล้านบาท และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. 
ได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าตนเองเป็นผู้จัดการ
ในการดูแลสถานที่ดังกล่าว โดยนายจ้างอยู่ที่ประเทศจีนและได้เช่าสถานที่ดังกล่าวมาประมาณ 2 เดือนและจ้างตนเองมาดูแลและรับออเดอร์ผ่านทางนายจ้างอีกที 1โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงินเดือนผ่านทางวีแชท เดือนละ 50,000 บาท 
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้ดำเนินการตามมาตรการเชิงรุก ป้องกันปราบปรามและจับกุมผู้กระทำความผิด ฝากเตือนถึงประชาชน อุปโภคบริโภคสินค้าที่มีคุณภาพได้รับมาตรฐานจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือของภาครัฐ และห้ามลักลอบนำเข้า จำหน่าย ซื้อหรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งเป็นสินค้าที่เลี่ยงภาษี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าประเภทบุหรี่ไฟฟ้า จะมีบทลงโทษตามกฎหมาย  
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ว่าที่ พ.ต.ต.ปฏิภาณ เป็นสุข สว.กก.2 บก.ปอศ. เบอร์โทรศัพท์ 083-824-9997
 
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน 
ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง 
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด 
ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”
 
โพสเมื่อ : 10 ก.ย. 2568,18:02   อ่าน 9 ครั้ง